Remarketing กลยุทธ์ทำโฆษณา พิชิตใจลูกค้า

Remarketing กลยุทธ์ทำโฆษณา พิชิตใจลูกค้า

ธุรกิจออนไลน์นั้นมีการแข่งขันที่สูง ด้วยการทำ Remarketing ที่จะสามารถดึงลูกค้าเก่าๆ ให้กลับมาซื้อสินค้าใช้บริการอีกครั้งหนึ่งได้

ก็เริ่มจาก Remarketing นั่นคืออะไร ถ้าหากเราใช้มันอย่างถูกต้อง มันจะมีผลดีขนาดไหน หากจะเริ่มจากการรู้จักแบรนด์ และทำให้เกิดความสนใจ  จนเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ กระทั่งตัดสินใจ ที่จะซื้อสินค้าในที่สุด แต่ในบางครั้ง ย่อมมีลูกค้าบางส่วนที่หลุดออกไปอยู่เหมือนกัน เช่น ยังไม่ตัดสินใจซื้อแล้วตอนนี้ ไม่มีความสนใจมากพอ หรือได้ทำการซื้อสินค้าร้านอื่นแล้ว เป็นต้น

แต่อย่างไร ยังดีที่คนกลุ่มนี้ยังมีประสบการณ์ที่เคยเห็นแบรนด์ธุรกิจของเรามาก่อน ผ่านจาก social media หรือโฆษณาต่างๆที่เราลงไว้ และได้ทำความรู้จักกับแบรนด์อยู่ระดับหนึ่ง ซึ่งเราจะสามารถทำอย่างไรได้บ้าง เพื่อที่จะไม่ให้คนเหล่านี้ลืมแบรนด์ธุรกิจของเรา เพื่อที่จะกระตุ้นให้กลับเข้ามาร้านค้าออนไลน์ของเรา หรือมาเข้าชมเว็บไซต์ของเราอีก เพื่อวันไหนที่เขาคิดถึงสินค้าหรือบริการเขาจะนึกถึงแบรนด์ของเรา

 

ทำไมเทคนิคการทำ Remarketing ถึงสำคัญต่อธุรกิจออนไลน์ล่ะ ?

ตัวช่วยที่เราจะมาเสนอ Remarketing มีการใช้กันอย่างแพร่หลายอยู่แล้ว แต่เป็นสิ่งที่หลายๆ แบรนด์ธุรกิจต่างๆยังไม่ค่อยเห็นความสำคัญ เพื่อการนำไปใช้อย่างถูกต้อง ซึ่งตัวช่วยนี้ก็คือ การทำ Remarketing ซึ่งจะช่วยเราเชื่อมโยงกับลูกค้าไม่หลุดไปหาแบรนด์ธุรกิจเจ้าอื่นๆ

การทำ Remarketing ให้เวิร์คด้วย Audience List

ก่อนอื่นที่จะทำ Remarketing จะต้องมี Audience List ก่อน ซึ่งคือลิสต์คนที่เคยเข้าเว็บไซต์ของเรานั่นเอง โดยการเก็บ Audience List อาจทำโดยการเก็บข้อมูลจากคนที่เข้าเว็บไซต์ทั้งหมด หรือแบ่งตามเนื้อหาบนเว็บไซต์ ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ Conversion Funnel ก็ได้

หัวใจสำคัญของการทำ Remarketing คือ การแบ่งกลุ่มลูกค้า เพื่อที่จะสามารถยิงโฆษณา และสื่อสารอย่างเฉพาะเจาะจงไปยังกลุ่มนั้นๆ และเพิ่มเปอร์เซ็นต์ในการกลับเข้ามามายังเว็บไซต์ โดยการทำ Audience List จะแบ่งกลุ่ม Audience ได้ 3 รูปแบบหลักๆ ดังนี้

  1. ความสนใจ (Retarget by Interest)

คัดกรองคนที่สนใจในสินค้า หรือบริการนั้นๆ เช่น หากบนเว็บไซต์ขาย รองเท้าหนัง รองเท้าผ้าใบ และรองเท้าแตะ ก็อาจแบ่งกลุ่ม สำหรับแต่ละสินค้า หรืออาจจะแบ่งลึกกว่านั้นก็ได้ เช่น แบ่ง 2 กลุ่มสำหรับรองเท้าผ้าใบ เป็นรองเท้าผ้าใบ รุ่น X และ รุ่น Y เป็นต้น

  1. ระยะเวลาการใช้งาน  (Retarget by Time Spend)

ในบางแคมเปญเราอาจไม่ได้วัดผลด้วยการกดสั่งซื้อ โดยเฉพาะแคมเปญที่เน้น Awareness หรือสร้างการรับรู้ สิ่งที่เราจะวัดได้ว่าลูกค้าสนใจแบรนด์เราแค่ไหนก็คือการใช้ “เวลา” เป็นตัววัด เช่น เวลาที่รับชมวีดีโอ (เก็บขข้อมูลลูกค้าเข้า Audience List หากดูวีดีโอเกิน 15 วินาที) หรือเวลาที่ใช้บนเว็บไซต์ (เข้าชมเนื้อหาบนเว็บไซต์เป็นเวลาเกิน 10 วินาที)

  1. สถานะลูกค้า (Retarget by Customer Status)

หากเป็นเว็บไซต์ eCommerce หรือเว็บไซต์ที่ต้องใช้งานหลายขั้นตอน เช่น กดดูสินค้า -> Add to Cart -> Payment Information -> Complete Payment เราอาจจะสร้าง Audience List แยกสำหรับแต่ละขั้นตอนก็ได้ เช่น คนที่ Add to Cart แต่ยังไม่ใส่ Payment Information ทางแบรนด์ก็สามารถยิงโฆษณาซ้ำไป เพื่อ เตือน ถึงสินค้าที่ยังช้อปค้างไว้อยู่ หรือสำหรับคำที่ใส่ Payment Information แล้ว แต่ยังไม่กด Complete Order เพื่อให้กลับมาดำเนินการสั่งซื้อให้สมบูรณ์

เพราะหากเราไม่แจ้งกลุ่มคนเหล่านี้ เค้าอาจจะลืมเข้ามาดำเนินการต่อ หรือจะมาทำต่อ แต่หาเว็บไซต์ของเราไม่เจอ ทำให้เสียโอกาสในการขาย

ส่วนเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ eCommerce ที่อาจมี Contact Form หรือปุ่ม Call to Action ต่างๆ ก็สามารถสร้าง Audience List เพื่อเก็บคนที่เข้ามายังเว็บไซต์ของเรา และได้ดำเนินการส่งแบบฟอร์ม หรือโทรหาเรา และนำไปยิงโฆษณาซ้ำก็ได้เช่นกัน

หลายคนจะเข้าใจว่า Remarketing คือสิ่งที่ลูกค้าไม่ชอบ ลูกค้ารำคาญ เพราะมันจะตามหลอกหลอนจนทำให้แบรนด์เสียหาย และส่งผลลบกับแบรนด์ เลยทำให้หลายคนมีมุมมองเชิงลบกับการทำ Retargeting หรือ Remarketing ซึ่งหากแบรนด์ไหนนำเทคนิค Remarketing ไปใช้โดยไม่วางแผนให้ดี หรือไม่นำไปใช้ให้ถูกต้อง และเหมาะสม ก็อาจเกิดเหตุการณ์แบบนั้นได้

ในมุมมองเอเจนซี่โฆษณา เรามองว่าการทำ Remarketing คือการบอกสิ่งดีๆ ให้กับคนที่รู้จักแบรนด์เรา เช่น เมื่อมีเนื้อหาอะไรที่น่าสนใจ เป็นประโยชน์ต่อกลุ่ม Audience List ที่เราเก็บ เราค่อยยิงโฆษณาไปหาเค้า เพื่อไม่ให้พลาดเรื่องน่ารู้ต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเราสร้างคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์กลุ่มลูกค้าก็ยินดีที่จะได้รับอยู่แล้ว แต่หากเรายิงโฆษณาเดิมๆ ขายกันตรงๆ ทั้งวันทั้งคืน ก็จะทำให้ลูกค้าเริ่มเบื่อ เพราะเนื้อหาไม่เป็นประโยชน์

เริ่มต้นทำ Remarketing อย่างมีประสิทธภาพ

หากคุณกำลังจะเริ่มทำ Remarketing อย่าลืมว่าก่อนจะทำได้ ต้องมีจำนวนผู้ใช้ใน Audience List อย่างน้อยๆ 1,000 คน โฆษณาถึงจะเริ่มรันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในการสร้าง 1,000 คนแรก ที่มีคุณภาพนั้นสำคัญมาก หากต้องการผู้เชี่ยวชาญปรึกษาเรื่องการเพิ่ม Traffic รวมถึงวางแผนการทำ Remarketing โดยไม่ส่งผลลบให้แบรนด์ สามารถปรึกษา Pacy Media ได้เลย โดยเราจะช่วยวางแผน Flow บนเว็บไซต์สำหรับเก็บข้อมูล Audience List และกลยุทธ์ในการสร้าง Traffic เข้าเว็บไซต์ผ่าน Google และ Social Media ที่ตอบโจทย์ธุรกิจคุณ