ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีได้มีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราจากในอดีตไปอย่างสิ้นเชิง บริษัท และผู้ประกอบการต่างๆได้ปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัลด้วยการสร้างเว็บไซต์ และเพื่อเพิ่มช่องทางขายผ่านทางโซเชียลมีเดียมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงความคิดและนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้ในธุรกิจในยุคดิจิทัล ตั้งแต่การวางพื้นฐาน เป้าหมาย ไปจนถึงการดำเนินธุรกิจ และส่งต่อคุณค่าให้แก่ผู้บริโภค แต่ยังรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงด้านวัฒนธรรมที่องค์กรและบุคลากรทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้บริหารไปจนถึงพนักงานตำแหน่งล่างสุด จะต้องมีส่วนร่วมในการปรับตัวไปสู่ยุคนี้ด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มศักยภาพให้องค์กรสามารถแข่งขันในยุคที่มีการต่อสู้กันอย่างมหาศาล Brand Analysis – วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน ของแบรนด์ ทั้งของตัวเองและคู่แข่ง อะไรคือสิ่งที่ เราสามารถทำได้ดีกว่า หรือ คู่แข่งยากที่จะลอกเลียนแบบได้เหมือน หากตัวตนหรือตัวตนของเราแข็งแกร่งก็มีช่องทางการสื่อสารให้ผู้บริโภครับชมได้อย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคจะเห็นเพียงโลโก้สีและวิธีการทำงานของโฆษณาเท่านั้นจึงสามารถจดจำสิ่งเหล่านี้ได้ ตัวอย่างเช่นเมื่อคุณเดินเข้าไปในร้าน Chaps คุณจะได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของมัน เมื่อคุณเห็นโลโก้ Swoosh สีดำก็จะนึกถึง Nike เมื่อคุณเข้าไปในร้าน Starbucks คุณจะได้กลิ่นกาแฟของประดับตกแต่งและเสียงเพลงซึ่งแตกต่างจากร้านอื่น ๆ BMW จะนึกถึง Hyundai เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ หรือตัวตนของแบรนด์ที่สร้างขึ้นเมื่อผู้บริโภครับรู้และอธิบายความหมายของแบรนด์นั้นจะสะท้อนถึงสิ่งที่แบรนด์แสดงรายการหรือเชื่อมโยงกับการรับรู้ของผู้บริโภคหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นการออกแบบของคุณก็ดี Goal Setting – ตั้งเป้าหมายหมายสูงสุดของธุรกิจ รวมทั้งแผนรายปี และแบ่งย่อยออกมา แต่ละเดือน เพื่อที่สามารถออกแบบกลยุทธ์จัดการและวิเคราะห์สรุปผล หรืออาจจะปรับเปลี่ยน เพื่อทำให้เข้าไปใกล้เป้าหมายได้มากที่สุด 1 ต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน เป้าหมายที่ยากทำให้คนทำเต็มที่ ทำให้คนถอนเงินเยอะ 2 เป้าหมายที่ยากดีกว่าเป้าหมายที่ง่าย (เป้าหมายที่สูงทำให้เกิดความพยายามมากกว่าเป้าหมายที่ต่ำ) เพราะสามารถปลดปล่อย ศักยภาพและความสามารถของคนจำนวนมากได้ 3 กำหนดเวลาที่เข้มงวดทำให้คนทำงานเร็วกว่ากำหนดเวลาที่หลวม 4 การเปิดเผยเป้าหมายต่อสาธารณะทำให้ผู้คนมุ่งมั่นกับเป้าหมายมากขึ้น 5 ไม่ว่าเป้าหมายจะถูกกำหนดโดยหัวหน้างานหรือเป้าหมายร่วมกันระหว่างเจ้านายและลูกน้องเป้าหมายทั้งสองประเภทนี้จะไม่ให้ ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันในแง่ของการบรรลุเป้าหมาย Customer Analysis – วิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า หัวใจหลักของการทำธุรกิจ ยิ่งรู็จักลูกค้าดีมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้รู้จุดที่ทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าของคุณได้ง่ายมากขึ้น ในโลกสื่อออนไลน์ทุกวันนี้การแข่งขันมากขึ้น แน่นอนว่าทุกธุรกิจย่อมมีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาในตลาดการแข่งขันแบบนี้สินค้าที่เข้ามาอาจจะคล้าย กับสินค้าและบริการของเรา ส่งผลให้มีการแข่งขันในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าส่วนแบ่งการตลาดก่อนแผนการตลาด จะช่วยให้เราเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้นซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเราในการทำการตลาดในทิศทางที่ถูกต้อง สิ่งนี้ เป็นสาเหตุที่ทำให้เราลดต้นทุนด้วย และปรับปรุงประสิทธิภาพทางการตลาดให้ดีขึ้นการวิเคราะห์ลูกค้าหรือการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติในอดีตของกิจกรรมทางการตลาดเช่นข้อมูล Facebook ที่เราใช้ในการถ่ายโฆษณา หรือ Google ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถิติในอดีตที่เราต้องรวบรวมซึ่งช่วยให้เราสามารถศึกษาพฤติกรรมการคลิกดูวิดีโอหรือแม้แต่การแปลงผลิตภัณฑ์และบริการ (ผลลัพธ์ที่คาดหวัง) Content Planning – วางแผนการทำคอนเทนต์ ออกแบบคอนเทนต์เพื่อสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละช่วงเวลาให้สอดคล้องกับการตัดสินใจซื้อสินค้า นั่นจะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้น ถึงจุดนั้นจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแบรนด์ของการตลาดเนื้อหาของคุณในทิศทางใด ๆ แต่สาระสำคัญไม่แตกต่างกันมากนัก ขั้นตอนหลักมีดังนี้ – กำหนดเป้าหมายเนื้อหา –…
บทความ
ธุรกิจออนไลน์เติบโตไปพร้อม Chatbot
Chatbot เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ และเพื่อช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ หากคุณใช้ Chatbotที่ชาญฉลาดสามารถตอบแชทได้ใกล้เคียงมนุษย์ตอบมากที่สุด และยังตอบคำถามได้อย่างถูกต้องแม่นยำ แชทบอทมีสองประเภท: Rule-Based Bot (เป็นไปตามกฎที่ตั้งไว้) : กำหนดกฎหลายข้อเพื่อให้ครอบคลุมบริการ ได้รับการออกแบบตามชุดข้อมูลที่บันทึกไว้ ในการทำงานของคุณคุณมักจะพบว่าการสร้าง Chatbot ประเภทนี้จำเป็นต้องมีชุดของกฎเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่คุณจะใช้เนื่องจาก Chatbot ประเภทนี้ตอบได้เฉพาะคำสั่งกฎและเงื่อนไขที่คุณสร้างขึ้นเท่านั้น Chatbot AI (ปัญญาประดิษฐ์): ปัญญาประดิษฐ์จะยากขึ้น อาจจำเป็นต้องใช้การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) และความเข้าใจภาษาธรรมชาติ (NLU) เพื่อช่วยให้แชทบอทของเราเข้าใจภาษาของมนุษย์รูปแบบประโยคและความหมายที่มนุษย์ต้องการสื่อได้ดีขึ้น ขณะนี้เครื่องมือได้รับการพัฒนาที่สามารถคาดการณ์หรือให้บริการได้อย่างยืดหยุ่นเทียบเท่ากับที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ทว่า ในการใช้ Chatbot บนแพลตฟอร์มต่างๆ ของผู้ประกอบการออนไลน์ ในปัจจุปันจะเป็น Base On Rule Chatbot มากกว่า เพราะการใช้งาน Chatbot ในประเภท Base On Rule มีต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำกว่า Chatbot AI Chatbots มีความสำคัญในธุรกิจหลายมิติ บทบาทของ Chatbot ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายและช่วยกระตุ้นการทำงานของการขายสินค้าและบริการได้แก่ สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกค้าและแบรนด์ การให้ความช่วยเหลือในการตอบคำถามถามงานเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการเป็นสิ่งจำเป็นตลอด 24 ชั่วโมงในยุคที่ทุกอย่างต้องพัฒนาอย่างรวดเร็ว ให้ลูกค้ารู้สึกว่าไม่ต้องรอเป็นเวลานานในการประสานงานช่วยแก้ปัญหาหรือถามคำถามเกี่ยวกับพวกเขา ระบุผลิตภัณฑ์และรายละเอียดผลิตภัณฑ์ ดังนั้นคุณไม่ควรพลาดโอกาสในการขายสินค้าในขณะนั้น Chatbot เป็นผู้ช่วยขายตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน Chatbot สามารถ ช่วยธุรกิจของคุณในการปิดการขายได้ สามารถแนะนำลูกค้าสร้างใบเรียกเก็บเงินและแนะนำลูกค้าตลอดกระบวนการชำระเงิน คุณยังสามารถช่วยบันทึกข้อมูลลูกค้าเพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการให้แชทบอทพูดคุยและถามลูกค้าเกี่ยวกับความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์และบริการ และจัดเก็บข้อมูลเพื่อให้ บริษัท ต่างๆสามารถใช้ข้อมูลเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีขึ้น มีส่วนช่วยให้การขายบริการเป็นจริงอย่างทั่วถึง เพราะส่วนหนึ่งของโอกาสที่พลาดไปคือการตอบคำถามช้าบริการไม่ทั่วถึงและเร็วไม่เพียงพอในช่วงเวลาเร่งด่วน (เช่นวันหยุดยาว) จำนวนลูกค้าจะลดลงในช่วงวันหยุดยาวลูกค้าจำนวนมาก อาจใช้บริการสั่งซื้อออนไลน์ หรือในช่วงโปรโมชั่นลดการแพร่กระจายของการเพิ่มจำนวนเซลล์จะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างทั่วถึง หากคุณใช้พนักงานบริการในช่วงเวลานี้คุณอาจไม่สามารถตอบคำถามและสั่งซื้อได้ ให้ขายทั่วไปจนกว่าจะตอบช้าจนสุดท้ายก็พลาดโอกาสในการขายไปโดยสิ้นเชิงดังนั้น Chatbot จึงมีความสำคัญมากสำหรับการขายของออนไลน์ในยุคนี้ ช่วยลูกค้าในการตัดสินใจอย่างมีข้อมูลโดยตรงข้อดีอีกอย่างของ Chatbot คือสามารถเข้าถึงลูกค้าได้เร็วกว่าผู้คน และสามารถทำหน้าที่เป็นหน่วยงานที่ให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์โดยละเอียดเพื่อให้ลูกค้าต้องการข้อมูลได้ทันทีเนื่องจากผู้บริโภคในปัจจุบันต้องการข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจและหลาย ๆ ครั้งพวกเขาจะสอบถามก่อนซื้อ โดยเฉพาะสินค้าที่มีมูลค่าสูงเช่น รถยนต์ บ้าน กล้องถ่ายรูป เป็นต้น ใช้เป็นช่องทางกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้คนในโปรโมชั่นและความรู้ข่าวสารคุณยังสามารถสร้างข้อมูลสรุปเพื่อสร้างฐานข้อมูลและสำรวจลูกค้า ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการทำโปรโมชั่นหรือแบบสำรวจแบบสอบถามและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในรูปแบบต่างๆผ่านข้อความแชท ลดต้นทุนในการจ้างพนักงาน เนื่องจากคุณไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อจ้างพนักงานหรือผู้ดูแลระบบเพื่อตอบสนองลูกค้าแชทบอทจะเป็นประโยชน์ต่อคุณและสามารถลดต้นทุนของผลิตภัณฑ์หรือบริการได้ ค่าแรงที่ต่ำลงจะเปลี่ยนเป็นผลกำไรที่เพิ่มขึ้นสำหรับธุรกิจของคุณนั่นเอง Chatbot ในปัจจุบันนั้นยอดเยี่ยมในเรื่องของความรวดเร็วและคล่องตัว เพื่อการแสดงอารมณ์ให้ได้ดีเยี่ยมนั้น เป็นความท้าทายที่สำคัญในการสร้างความเป็นมิตร กับอารมณ์ของมนุษย์ให้มากที่สุด สิ่งนี้จะช่วยสร้างความประทับใจที่ดีให้กับคู่สนทนาให้ได้มากที่สุด
อ่านค่าเป็น เขียนโพสเล่นๆ ก็ได้ตังค์
แชร์ประสบการณ์เว็บไซต์โดนแฮก ถ้าคุณไม่อยากตกเป็นเหยื่อ โปรดอ่าน!
เพิ่งรู้ว่า ไก่จิกเด็กตายบนปากโอง ช่วยให้คุณปลอดภัยจากแฮกเกอร์
Facebook ก็ฟรีอยู่แล้ว ทำไมฉันต้องมีเว็บไซต์ด้วยนะ?
เข้าใจในผู้บริโภค = ขายได้
จะขายของสักชิ้น ต้องคิดอะไรบ้าง โดยทั่วไป หากต้องการขายสินค้า อาจมีขั้นตอนในหลายๆ เรื่อง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการทำธุรกิจ แต่สำหรับการทำการตลาดเพื่อให้สามารถขายสินค้าได้ ผู้ค้าอาจต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ อาทิ Who ลูกค้าคือใคร? ก่อนที่จะวางแผนการตลาดต้องรู้ก่อนว่า ลูกค้าของเราคือใคร? แล้วสินค้าตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้มากน้อยแค่ไหน? เพื่อเป็นเป้าหมายต่อไปในการขยายตลาด เรื่องนี้ผู้ค้าต้องใช้เวลาเรียนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมลูกค้าผ่านการใช้เครื่องการตลาดต่างๆ ในปัจจุบัน เช่น แบบสอบถาม การให้ทดลองใช้สินค้า เก็บสถิติ รวมทั้งอาศัยหลักการอนุมานและการสังเกต ซึ่งทั้งหมดนี้อาจมีความคลาดเคลื่อนเสมอ แต่ก็ถือว่าได้ข้อมูลลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในเบื้องต้น What ขายสินค้าอะไร บริการหรือสินค้า คือสิ่งที่เราต้องการจะขาย ดังนั้นต้องระบุให้ชัดเจนว่าคืออะไร การตัดสินใจที่จะเลือกหรือผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายจะต้องศึกษาตลาด ศึกษาคู่แข่งและศึกษาแนวโน้มของสินค้าเหล่านั้นด้วย ที่สำคัญคือคุณภาพของสินค้านับเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่ใช้เป็นจุดแข็งในการตลาดลำดับต่อไป ในขณะที่การขายในปัจจุบันมีความซับซ้อนมากขึ้น จากพฤติกรรมของผู้บริโภคสินค้าอาจต้องมีจุดขายที่แตกต่างด้วย Where & When ลูกค้าซื้อสินค้าทีไหน เมื่อไร? การเลือกทำเลที่ตั้งร้าน วัน-เวลาเปิดร้าน เป็นสิ่งสำคัญต่อการซื้อสินค้า ขณะที่การขายปัจจุบันเน้นการขายออนไลน์ ดังนั้นจึงควรเลือกแพลตฟอร์มขายออนไลน์ที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใช้งานด้วย Why ทำไมลูกค้าต้องเลือกสินค้าของเรา คำถามนี้สำคัญ เพราะนักการตลาดแนะนำว่า การจะขายสินค้าและให้ข้อมูลลูกค้าต้องเริ่มต้นที่ Why คือตอบได้เลยว่าทำไมต้องใช้สินค้าของเรา ดีอย่างไร อาทิเช่น ขายยาปลูกผม ลูกถ้าอาจไม่ได้สนใจว่าส่วนผสมมาจากอะไรบ้างในเบื้องต้น แต่ต้องการผลลัพธ์ คือใช้แล้วผมดกดำ ดังนั้นเวลาทำแคมเปญการตลาด มัวแต่ไปบอกส่วนผสม บอกผลการทดสอบ หรือแนวโน้มต่างๆ สู้บอกไปตรงๆ เลยไม่ได้ว่า ยาปลูกผมของเราใช้แล้วผมดกดำแน่นอน เพราะผู้บริโภคยุคนี้ใจร้อน อาจให้เวลาในการสนใจสินค้าใดสินค้าหนึ่งไม่นาน แต่เจ้าของแบรนด์บอกเองอาจไม่มีคนเชื่อ อาจต้องหาลูกค้า หรือคนที่ลูกค้าเชื่อมาบอกต่อ How ทำอย่างไรให้สินค้าเหนือคู่แข่ง ก่อนตัดสินใจปรับโฉมสินค้าของตัวเองให้โดดเด่นเหนือคู่แข่ง อันดับแรกต้องไปศึกษาสินค้าของคู่แข่งว่าเขามีดีอย่างไร ทำไมลูกค้าหลายคนถึงติดใจ โดยเราต้องนำสินค้าคู่แข่งมาเปรียบเทียบกับสินค้าของเรา และพัฒนาจุดด้อยของตนเองให้กลายเป็นจุดเด่น อย่างน้อยการทำสินค้าให้เหนือคู่แข่งต้องมีมากกว่าหนึ่ง-สองข้อ และต้องเดินนำหน้าคู่แข่งมากกว่าเดินตามหลังด้วย มีข้อมูลจากผลการศึกษา “Riding the Digital Wave: Capturing Southeast Asia’s Digital Consumer in the Discovery Generation” โดย ‘บริษัทเบน แอนด์ คอมพานี’ ร่วมกับ ‘facebook’ ทำแบบสอบถาม 12,965 คน จากประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ช่วงเดือนมิถุนายน 2562 การศึกษาในครั้งนี้ทำให้ค้นพบพฤติกรรมของผู้บริโภคแบบใหม่ที่เรียกว่า “Discovery Generation” Discovery Generation คือใคร? กลุ่มผู้บริโภค Discovery Generation คือกลุ่มผู้บริโภคในช่องทางออนไลน์ มีพฤติกรรมการซื้อสินค้าที่มักจะตามมาจากการค้นหาสิ่งใหม่ๆ โดยมีลักษณะพฤติกรรมที่มักจะไม่มีการวางแผนล่วงหน้าว่าพวกเขาอยากได้อะไร จากแพลตฟอร์มออนไลน์บ้าง แต่ใช้วิธีสไลด์จอดูสินค้าไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบแรงบันดาลใจอะไรบางอย่างที่ทำให้ตัดสินใจซื้อได้ เช่น สินค้าถูกใจเป็นพิเศษ เป็นสินค้าที่เคยตามหาซื้อ หรือมีโปรโมชันที่ตรงใจ เป็นต้น จากการศึกษาพบว่าพฤติกรรมการผู้บริโภคในลักษณะนี้ เป็นตลาดที่ค่อนข้างใหญ่และไม่ใช่แค่ประเทศไทย ข้อมูลส่วนหนึ่งในรายงานระบุว่า จำนวนผู้บริโภคชาวดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีอยู่ประมาณ 250 ล้านคนในปี 2561 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 310 ล้านคนในปี 2568 นอกจากนี้ยังพบอีกหนึ่งพฤติกรรมของผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกฉียงใต้ คือ “ความนิยมซื้อสินค้าจากหลากหลายแบรนด์ หรือเปิดกว้างสำหรับแบรนด์อื่นๆ” โดยผู้บริโภคของกลุ่มประเทศที่ถูกสำรวจเปิดกว้างรับแบรนด์ใหม่ๆ ดังนี้ สิงคโปร์ 75% ฟิลิปปินส์ 72% มาเลเซีย 70% อินโดนีเซีย 66% ไทย 65% และเวียดนาม 52% ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่าพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคยุคใหม่ส่วนใหญ่ เปิดกว้างรับแบรนด์ใหม่ๆ สินค้าใหม่ๆ และไม่ยึดติดในแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง โดยผู้บริโภคเหล่านี้ต้องการสินค้าที่เหมาะกับตัวเองแบบเฉพาะเจาะจง มากกว่าแค่แบรนด์ชื่อดัง ซึ่งต่างจากในอดีต ผู้บริโภค ‘นักค้นหา’ ในไทย รายงานฉับดังกล่าวระบุถึงพฤติกรรมผู้บริโภคแบบ Discovery Generation ในไทยก็พบตัวเลขที่น่าสนใจ ดังนี้ มากกว่า 58% ของผู้ที่ซื้อสินค้าออนไลน์ในไทย เคยลองสั่งซื้อสินค้าจากร้านค้าออนไลน์ที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อนในปีที่แล้ว…
โทนสีการออกแบบ เว็บไซต์/แอปพลิเคชัน ประจำปี 2021
โทนสีการออกแบบ เว็บไซต์ หรือ แอปพลิเคชัน ประจำปี 2021 ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือผลงานอย่างใดอย่างหนึ่ง สีนับว่าเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยแสดงอารมณ์ ความรู้สึกแก่ผู้ชมได้เป็นอย่างมาก จะเห็นได้ว่าจากประวัติศาสตร์ เราใช้สีในการสื่อสารในทุกๆแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นด้านศาสนา วัฒนธรรม การเมือง หรือในด้านการขายสินค้า และบริการ โดยโทนสีในแต่ละยุคแต่ละสมัยมักจะเปลี่ยนแปลงตามอารมณ์ความรู้สึกของคน ณ ตอนนั้นเป็นหลัก ในปี 2020 จะเห็นได้ว่า เราทุกคนล้วนเจอสถานการณ์การติดเชื้อไวรัส Covid-19 สร้างวิกฤติปัญหาความเป็นอยู่ และเศรษฐกิจของแต่ละประเทศเป็นอย่างมาก ทำให้โทนสีในปี 2021 เป็นเครื่องมือในการปลอบโยน โดยสีที่เน้น จะเป็นสีโทนอ่อนเป็นหลักจากทั้งหมด 7 สี ในบทความนี้ ได้อ้างอิงบทความจาก Trend Bible Colour Direction 2021 และ TCDC Trend 2021 หลังจากที่วางโครงเว็บไซต์ไว้เบื้องต้น ปัญหาตามมาคือเลือกสี ส่วนใหญ่จะติดปัญหาไม่น้อยว่าจะเลือกใช้สีอะไรในการออกแบบให้สวยงาม และเหมาะสมกับภาพลักษณ์ โดยในปี 2021 ได้มีการจัดโทนสีเป็นแนว แพนโทน เพื่อช่วยให้ผู้คนคล่อนคลายจากสถานการณ์ที่หนักหน่วงในช่วงปี 2020 โดยเราได้รวบรวมรายละเอียดดังต่อไปนี้ Desert Flower RGB 225 130 135 Egret RGB 243 236 244 Petunia RGB 79 52 102 Canton RGB 109 162 158 Cyan Blue RGB 21 163 199 Blue Fog RGB 155 171 187 Fiesta RGB 221 65 50
ขั้นตอนการสร้าง Brand Identity ให้คนรู้จัก
หากคุณเป็นนักธุรกิจ หรือกำลังริเริ่มทำธุรกิจบางอย่างล้วนแล้วแต่ต้องการให้ผลิตภัณฑ์ หรือแบรนด์ของตัวเองเป็นที่จดจำของลูกค้า ซึ่งการสร้าง “เอกลักษณ์ของแบรนด์” (Brand Identity) จะช่วยให้คุณสามารถวางภาพลักษณ์ของแบรนด์ และยังสะท้อนมุมมองต่อแบรนด์ระหว่างตัวคุณกับลูกค้า โดยในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าการสร้างแบรนด์มักมีการอาศัยโลกออนไลน์ช่วยในการสื่อสาร เพื่อเผยแพร่ภาพลักษณ์ให้รวดเร็ว และกว้างขวางยิ่งขึ้น “เอกลักษณ์แบรนด์” (Brand Identity) คืออะไร การสร้างหรือมองวิสัยทัศน์ของธุรกิจ เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจ และมองเห็นภาพของธุรกิจ นอกจากนั้นยังช่วยให้เรากำหนดมุมมองของแบรนด์เราไม่ให้เหมือนใคร และเข้าใจคู่แข่งมากขึ้น กระบวนการเหล่านี้รวมไปถึงการออกแบบ Template อาทิ โลโก้ สีที่ใช้ และภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร ทำไม “เอกลักษณ์แบรนด์” จึงสำคัญ แบรนด์นั้นมากกว่าการสร้าง Template หรือ โลโก้ขึ้นมา การสร้างแบรนด์ต้องผนวกรวมหลายสิ่งเพื่อสร้างให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีทิศทาง รวมถึงเกิดความน่าเชื่อถือ การสร้างสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณวางภาพลักษณ์ และ Position ของแบรนด์ได้อย่างแม่นยำ รวมทั้งค้นหาลูกค้าที่แท้จริง ขั้นตอนการสร้าง “เอกลักษณ์” ให้ลูกค้าจดจำ 1. สร้างภาพลักษณ์ แบรนด์ ของคุณ การสร้างภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ เพื่อให้แบรนด์ มีทิศทางเดียวกัน และทีมงานมีความเข้าใจที่ตรงกัน คุณควรเริ่มค้นหาข้อมูลคู่แข่งทางการตลาด เพื่อเปรียบเทียบข้อดี และข้อเสีย (SWOT Analysis) ช่วยให้ลดโอกาสสูญเสียผลประโยชน์ รวมทั้งช่วยค้นหาจุดแข็งของแบรนด์ (Value proposition) ซึ่งกระบวนเหล่านี้ต้องใช้เวลาค่อนข้างนานกับมัน เพราะเป็นการนำองค์ประกอบหลายๆด้าน มาผนวกรวมกันให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างขึ้นมา 2. ออกแบบแบรนด์ การออกแบบแบรนด์ไม่ใช่การออกแบบแค่โลโก้ คุณควรลงลึกแม้กระทั่งสีที่ใช้ควรเป็นสีโทนเข้ม เพื่อบ่งบอกความดูดีมีระดับ หรือโทนอ่อน เพื่อให้ดูอ่อนโยน รวมทั้งรูปแบบตัวอักษร ว่ามีลักษณะตรงกับภาพลักษณ์หรือไม่ เช่น มีความดูสนุกสนาน หรือดูหรูหรา เพราะองค์ประกอบทั้งหมด จะถูกนำไปใช้สื่อสารทุกช่องทางเสมอ ไม่ว่าจะบน เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และหน้าร้านค้า 3. สื่อสารให้ลูกค้ารับทราบ เมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้น สิ่งถัดมาคือการลงตลาดจริง ให้ผู้บริโภครับรู้ถึงการมีอยู่ของแบรนด์ โดยคุณอาจสร้างการประชาสัมพันธ์ในช่องทางออนไลน์ เช่น การโฆษณาบน Facebook และ Google การสร้างเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ชมรับรู้ถึงรายละเอียด การทำ SEO และ SEM และการลงโซเชียลมีเดียต่าง ๆ การสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์นั้น ได้รับความนิยมในยุคปัจจุบันสูงมาก เนื่องจากสามารถช่วยกระจายข่าวสารได้อย่างแพร่หลาย และควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างสะดวก 4. ติดตามผล หลังจากคุณได้สื่อสารทุกอย่างออกไปแล้ว คุณควรติดตามผลการดำเนินงานตลอดเวลา เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสมกับผู้บริโภคของคุณ จะช่วยให้ธุรกิจเจริญเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ