ปัจจุบัน ผู้คนใช้สื่อ Social ในปี 2020 มากถึง 3.6 พันล้าน (Statista) ที่สำคัญคือ ใช้ฟรี ดังนั้นหลายธุรกิจอาจคิดว่า ทุกวันนี้ Social ก็ดีอยู่แล้ว ใช้ฟรีด้วย ทำไมฉันจะต้องมีเว็บไซต์ด้วยล่ะ? โพสนี้จะมาพูดถึง 5 เหุตผลว่าทำไมการมีแค่ Facebook Page จึงไม่เพียงพออีกต่อไป
1. เว็บไซต์ก็เปรียบเสมือนหน้าร้าน
ทุกวันนี้เราต้องยอมรับว่า ผู้คนมักใช้อินเทอร์เน็ตในการสืบหาข้อมูล มากกว่าที่จะโทรไปถามข้อมูล หรือเดินไปสอบถาม ดังนั้น เว็บไซต์ก็เปรียบเสมือนหน้าร้านค้าของคุณ ที่พร้อมจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับ สินค้า/บริการ ข้อมูลติดต่อ รวมถึง รูปภาพ, รีวิวสินค้า และอื่นๆอีกมากมาย การที่ธุรกิจไม่มีเว็บไซต์ ก็เหมือนไม่มีหน้าร้าน ผมจะขอยกตัวอย่างให้เห็นแบบชัดๆหน่อยนะครับ สมมติคุณกำลังเดินอยู่หน้าปากซอย แล้วเจอใบปลิวร้านขายเสื้อผ้า ซึ่งคุณกำลังมองหาเสื้อกันหนาวๆสักตัว คุณอาจจะเดินไปที่หน้าร้านนั้นเพื่อสอบถามรายละเอียด แต่ในทางตรงกันข้ามในใบปลิวนั้นไม่มีหน้าร้าน มีเพียงเสื้อผ้าที่เก็บไว้ในบ้านพักที่อยู่ใกล้ๆ คุณก็อาจจะไม่ไปเลือกดูสินค้าที่นั่น ทำไมละ? ก็เพราะมันไม่มีความน่าเชื่อถือมากพอไงละครับ ซึ่งนี่เป็นความรู้สึกเหมือนกับที่ผู้คนเจอข้อมูลร้านคุณบนโลกออนไลน์ แต่คุณไม่มีเว็บไซต์
2. เมื่อคุณมีแค่ Facebook Page คุณจะถูกจัดอันดับ (Page Rank) แบบไม่สามารถควบคุมได้
บริษัททุกๆบริษัท ต้องการขายสินค้าให้มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้บริษัทเติบโต จริงอยู่ที่บริษัทมีลูกค้าเก่าๆแล้ว ก็ยังใช้บริการอุดหนุนตลอดเวลา แต่สิ่งที่บริษัทต้องการมากกว่านั้นคือ ลูกค้าใหม่ สิ่งหนึ่งที่หาลูกค้าใหม่ได้ คือการทำ SEO (Search Engine Optimization) ซึ่งเป็นการเพิ่มแสดงผลการค้นหาเกี่ยวกับ สินค้า/บริการ ของคุณบนโลกออนไลน์ ผมขอยกตัวอย่างให้เห็นกันชัดๆนะครับ เช่น ผมเปิดร้านให้เช่ามอเตอร์ไซต์ ซึ่งอยู่ที่ จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มเป้าหมายของผมคือ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ โดย สิ่งที่ผู้คนเหล่านั้นจะทำคือ พิมพ์คำค้นหาบน Google ว่า “เช่ามอเตอร์ไซต์ เชียงใหม่” หากคุณมีเว็บไซต์ และมีการทำ SEO ให้สามารถค้นหาเจอแล้วในอันดับต้นๆ โอกาสที่คุณจะปิดการขายบริการของคุณก็จะมีโอกาสมากยิ่งขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม Facebook หรือว่าสื่อ Social Media อื่นๆ ไม่สามารถที่จะจัดการเรื่อง SEO ได้มากพอๆกับเว็บไซต์ จะมีโอกาสน้อยมากที่จะทำให้ผลการค้นหานั้นขึ้นมาแสดงให้คนได้เห็น
3. Facebook ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ทั้งหมด
Facebook หรือสื่อ Social Media อื่นๆ มีข้อจำกัดมากมายเกี่ยวกับการแสดงเนื้อหาทีคุณจะเพิ่มลงไป แม้ว่าคุณจะสามารถโพสเนื้อหารายละเอียดสินค้า/บริการได้ แต่คุณไม่สามารถสร้างเนื้อหาหน้าเพจเกี่ยวกับบริษัทของคุณ บริการของคุณ ตัวอย่างการใช้งานสินค้า หรืออื่นๆอีกมากมาย ซึ่งเว็บไซต์ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องนี้ หรือแม้กระทั่งคุณจะเขียนบทความยาวๆที่เกี่ยวกับสินค้า/บริการที่เกี่ยวของ เว็บไซต์ก็ยังสามารถให้ข้อมูลได้ยืดหยุ่นกว่า คนที่เข้าชมก็สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า
ผมไม่ได้ปฏิเสธว่า Facebook หรือสื่อ Social อื่นๆไม่ดีนะครับ มันเป็นสื่อกลางหนึ่งที่สามารถดึงคนเข้ามาใช้บริการได้ดีเยี่ยม แต่อย่างไรก็ตาม Facebook ควรจะไม่ใช่หน้าร้านหลักของคุณ แต่ควรจะเป็นสื่อกลางที่จะคอยสนับสนุนให้กับเว็บไซต์ของคุณ ช่วยดึงลูกค้าของคุณไปสู่เว็บไซต์ที่เป็นเอกลักษณ์ มีฟังก์ชันการใช้งานที่สมบูรณ์ และคุณสามารถควบคุมทุกอย่างได้ ถ้าคุณสนใจอยากที่จะลองสร้างเว็บไซต์ หรือสร้างหน้า Facebook Page สามารถคลิกลิ้งค์ติดต่อมาที่เราได้ เราพร้อมที่จะให้บริการปรึกษา จัดทำเว็บไซต์ในจังหวัดเชียงใหม่ กรุงเทพมหานคร และทุกภูมิภาค
4. เว็บสวยด้วยมือเรา ออกแบบได้ไม่เหมือนใคร มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
ดังได้ที่กล่าวมาในข้อก่อนหน้านี้ เว็บไซต์สามารถออกแบบทุกอย่างได้ แบบไม่มีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัด Layout การเลือกสี เมนูต่างๆ สามารถเลือกจัดวางไว้ได้ตามความต้องการ คุณจะได้เว็บไซต์ที่มีแค่ธุรกิจของคุณเท่านั้น ซึ่งไม่เหมือนกับ Facebook Page หรือสื่อ Social Media อื่นๆ ที่วาง Template ไว้แล้ว ว่าส่วนไหนจะต้องจัดวางตรงไหน หากคุณต้องการให้บริการข้อมูล สินค้า/บริการของคุณที่ไม่เหมือนกัน คุณจะต้องลงทุนที่จะสร้างเว็บไซต์ เพื่อผลตอบแทนที่ดีในอนาคต
5. ข้อจำกัดด้านการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า
แม้ว่า Facebook จะมีระบบวิเคราะห์ลูกค้าที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังมีอีกหลากหลาย Feature ที่ Facebook สู้ Google Analytics ไม่ได้ โดยสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้มากกว่า Facebook สามารถดึงข้อมูลวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งานเว็บไซต์ได้ ดูว่าผู้คนนั้นชอบดูสินค้าไหนมากกว่ากัน ผู้คนคลิกปุ่มไหนมากกว่า จำนวนคนดู ระยะเวลาที่ดู หรือแม้กระทั่ง ดูช่วงเวลาไหน และ Feature อื่นๆอีกหลากหลายที่ Facebook นั้นยังสู้ไม่ได้ อ่าว! แล้วฉันจะเอาข้อมูลเยอะๆมาทำไมกันล่ะ ก็เพราะว่ายิ่งคุณมีข้อมูลมากเท่าไหร่ โอกาสที่คุณจะปิดการขาย โอกาสวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายก็จะมากขึ้นเท่านั้น