ระบบจัดการออเดอร์

Mining Solutions

เปรียบเทียบแพ็คเก็จ

ระบบจัดการคำสั่งซื้อสินค้า พร้อมเว็บไซต์ E-commerce

เลือกประเภทการใช้งานที่เหมาะสม

รายละเอียด BS Package BM Package BE Package
ระบบคำสั่งซื้อ
เพิ่มสินค้าเข้าในระบบ ไม่จำกัด ไม่จำกัด ไม่จำกัด
จัดการคำสั่งซื้อสินค้า
จัดการฐานข้อมูลลูกค้า
เพิ่มสถานะคำสั่งซื้อ
รายงานขั้นพื้นฐาน
รายงานขั้นสูง
รายงานอัจฉริยะจาก Machine learning
กำหนด URL สำหรับเข้าใช้งาน
ระบบผู้ใช้งาน
สร้างผู้ใช้งาน
ติดตามการดำเนินงานของผู้ใช้งาน
ประเมินผลการดำเนินงาน
แบ่งสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ใช้งาน
ระบบชำระเงิน
ชำระเงินผ่านบัตรเครดิต/เดบิต
ผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิต
ชำระเงินผ่าน พรอมเพย์
การเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่น
เชื่อมต่อกับ Facebook หรือ Line
เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลบริษัท / องค์กร
เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ
ปรับแต่งระบบเฉพาะด้าน
เพิ่ม ปรับแต่งการใช้งานเฉพาะองค์กร
ปรึกษา ออกแบบฟังก์ชันการใช้งานเฉพาะด้าน
ด้านความปลอดภัย
การใช้งานบนความปลอดภัย SSL
แจ้งเตือนการเข้าใช้งานผ่านอีเมล์
สำรองข้อมูลภายใน
สำรองข้อมูลบน Cloud
การติดตั้ง และดูแลความปลอดภัยด้านเซิร์ฟเวอร์
บริการหลังการขาย 1 ปี 1 ปี 1 ปี
อบรมการใช้งาน ออนไลน์ ออนไลน์/ออฟไลน์ ออนไลน์/ออฟไลน์
ราคา (ชำระครั้งเดียว) 21,900 บาท 48,900 บาท ติดต่อเรา
ทดลองใช้งาน ทดลองใช้งาน ติดต่อเรา

ข่าวสารล่าสุด

ปรับหน้าเว็บไซต์ให้ดูทันสมัย ด้วยเทรนด์สีแห่งปี 2024

ทำไมเราต้องปรับปรุงหน้าเว็บไซต์ให้ดูทันสมัย ? เนื่องจากเว็บไซต์เป็นเครื่องมือทางธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญในด้านต่าง ๆ เช่น การโปรโมทสินค้าและบริการ การสื่อสารกับลูกค้า การสร้างความยึดมั่นของลูกค้า การบริการหลังการขาย การเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์ การสร้างความน่าเชื่อถือ และการเพิ่มช่องทางการขาย เป็นต้น ดังนั้นการปรับหน้าเว็บไซต์ให้ดูทันสมัยจะช่วยให้ผู้ใช้มีประสบการณ์ต่อการใช้งานเว็บไซต์ที่ดี สะดวกสบาย และมีประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น อีกทั้งการปรับหน้าเว็บไซต์ยังครอบคลุมด้านความปลอดภัย รวมถึงการติดตามแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และการปรับปรุงตามอัตลักษณ์หรือความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ช่วยให้เว็บไซต์สามารถอยู่ในการแข่งขัน และทันสมัยตลอด เราสามารถปรับหน้าเว็บไซต์อย่างไรได้บ้าง ? การนำเข้าแนวโน้มด้านดีไซน์ที่ทันสมัยมีความสำคัญอย่างมากในการปรับหน้าเว็บไซต์ เนื่องจากจะช่วยเสริมสร้างด้านความสวยงามให้กับเว็บไซต์ และมีผลต่อประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ อีกทั้งแนวโน้มด้านดีไซน์ดังกล่าวรวมถึงการจัดวางองค์ประกอบของหน้าเว็บไซต์ และการเลือกใช้สีในการออกแบบเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บไซต์มีรูปแบบที่ดูดี และน่าดึงดูด ซึ่งในการปรับแต่งการจัดวางองค์ประกอบของหน้าเว็บไซต์สามารถจัดวางโครงสร้างเว็บไซต์ที่กระชับ สะดวก และมีความสมดุล รวมถึงการใช้สีที่เหมาะสม และน่าสนใจยังเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการสร้างแบรนด์ และให้ความรู้สึกที่ถูกต้องต่อผู้ใช้ ด้วยเหตุนี้การปรับหน้าเว็บไซต์ให้ดูทันสมัย รวมถึงการเลือกใช้สีในการออกแบบเว็บไซต์ที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากสีเป็นเครื่องมือในการสื่อสารที่ทรงพลัง และมีบทบาทในหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่แฟชั่น เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ รวมถึงโฆษณา ซึ่งอยู่ภายใต้บริบท และแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทั้งนี้ทาง mininggarden จึงจะแนะนำสีที่สามารถนำมาใช้ในการปรับหน้าเว็บไซต์ให้ดูทันสมัยมากขึ้น ด้วยเทรนด์สีแห่งปี 2024 อ้างอิงจากรายงานเจาะเทรนด์โลก TCDC ซึ่งจะมีสีอะไรบ้างนั้นสามารถติดตามไปพร้อมกัน เทรนด์สีที่ 1 Rich Gold เฉดสีเบจแกมทอง Pantone 16-0836 TCX โทนสีที่ดูเรียบง่าย ผ่อนคลาย ให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติ สไตล์ Low – Key และถูกใช้เป็นตัวแทนของความอ่อนน้อมถ่อนตน แบรนด์ต่าง ๆ นิยมนำสีนี้ไปใช้เพื่อให้ชิ้นงานมีความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น เทรนด์สีที่ 2 Coral Gold เฉดสีส้มอมน้ำตาล Pantone 16-1337 TCX โทนสีที่เป็นตัวแทนของพลังบวกให้ความรู้สึกดี มีชีวิตชีวา ช่วยสร้างความรู้สึกสบายตา และอบอุ่น  มักถูกนำมาใช้ในพื้นที่แบบ Multi-Function สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ช่วยให้ Community มีชีวิตชีวามากขึ้น เทรนด์สีที่ 3 Butterfly เฉดสีเขียวอ่อนแบบดิจิทัล Pantone 12-0322 TCX เทรนด์สีนี้มาจากความคุ้นเคยในดิจิทัลอย่างเต็มตัว บวกกับกระแสการอยู่ร่วมกับธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น ทำให้รู้สึกหลงใหลไปกับธรรมชาติ เปี่ยมด้วยจินตนาการ และเทคโนโลยี ให้ความรู้สึกสนุก มีสีสัน มีความล้ำสมัย และทรงพลัง เทรนด์สีที่ 4 Carpi เฉดสีฟ้าอมเขียว Pantone 15-4722 TCX เทรนด์สีนี้เป็นเฉดสีแห่งพลังมหาสมุทร และอัญมณี แข็งแกร่ง ทนทาน และปนความนุ่มนวล อีกทั้งเป็นตัวแทนของความเรียบหรู ให้ความรู้สึกด้านความเชื่อการเสริมดวง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สายมู และให้ความรู้สึกสนุกสนาน เทรนด์สีที่ 5 Raspberry Rose เฉดสีชมพูเข้ม Pantone 18-2333 TCX โทนสีที่ให้ความรู้สึกเป็นกลาง ไร้เพศ มีพลัง และเป็นตัวแทนของความกล้าหาญ เติมเต็มคุณค่า โดยหลังการเกิดขึ้นของภาพยนตร์ “Barbie” (ปี 2023) ที่นิยามว่าเราทุกคนงดงามในแบบของตัวเอง ทำให้สีนี้ถูกใช้แสดงถึงความเท่าเทียม และความเสมอภาค เทรนด์สีที่ 6 Violet Storm เฉดสีม่วง Pantone 18-3944 TCX สีแห่งความหรูหรา สัญลักษณ์ของความเท่าเทียมด้านมนุษยชน มีอิสระ มีคุณค่า และกระตุ้นให้เกิดพลัง ในเชิงจิตวิทยาเป็นสีที่มีความสะดุดตา เหมาะสำหรับนำไปใช้ในกิจกรรมด้านจิตวิญญาณ…

ทำไมเรา ต้องรู้ทันเทรนด์เทคโนโลยีด้วยนะ ?

การรู้ทันเกี่ยวกับเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ๆ มีผลต่อกลยุทธ์ของธุรกิจ และองค์กร ช่วยให้องค์กรมีมุมมองที่ก้าวหน้า และเปิดโอกาสในการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้าสู่การดำเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตามเมื่อเรากำลังจะก้าวเข้าสู่ปี 2024 จะสังเกตเห็นได้ว่าหลาย ๆ องค์กรเริ่มมีการคาดการณ์เกี่ยวกับเทรนด์เทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยองค์กรให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นเดียวกันกับ Gartner บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำของโลก ได้คาดการณ์ถึงเทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ที่จะมีบทบาทสำคัญในช่วง 3 ปีถัดไป ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไร รวมทั้งธุรกิจของเราจะสามารถนำมาปรับใช้อย่างไรได้บ้าง ติดตามไปพร้อมๆ กัน 10 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ ในปี 2024 (Strategic Technology Trends 2024)  แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มสำคัญ ได้แก่ Protect investment, Rise of the builders และ Deliver the value มีรายละเอียดดังนี้ กลุ่มที่ 1. Protect Investment 1. AI Trust, Risk and Security Management (AI TRiSM)  ปัจจุบันการเข้าถึง และใช้งานเทคโนโลยี AI กว้างขวางมากขึ้น ทำให้ความเชื่อถือ ความเสี่ยง และการรักษาความปลอดภัยของเทคโนโลยี AI ถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยผู้ใช้งานหรือองค์กรจะต้องมีความเชื่อมั่นในระบบ AI ที่มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัย ดังนั้น AI TRiSM จึงเป็นแนวทางเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดปัญหา ซึ่ง Gartner ได้คาดการณ์ว่าภายในปี 2026 การใช้ AI TRiSM ควบคุมในองค์กรจะเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจสามารถกำจัดข้อมูลที่ผิดพลาด และผิดกฎหมายออกไปได้ถึง 80% ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญมาก ช่วยลดอคติในการตัดสินใจ และช่วยเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ 2. Continuous Threat Exposure Management (CTEM) โปรแกรมการจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ได้เน้นที่การแก้ไขปัญหาเพียงครั้งเดียว แต่เป็นแนวทางการจัดการที่ต่อเนื่อง รวมถึงกระบวนการการระบุหรือจัดลำดับความเสี่ยง การตรวจจับความเสี่ยง และการปรับปรุงความปลอดภัยตามลำดับ ซึ่งจะทำให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อการโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันที ตามที่ Gartner ได้คาดการณ์ว่าภายในปี 2026 องค์กรต่าง ๆ จะให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านความปลอดภัย โดยองค์กรที่ใช้ CTEM จะเห็นความเสียหายจากการถูกละเมิดความปลอดภัยลดลงถึง 2 เท่า 3. Industry Cloud Platforms เป็นแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ และปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการของกลุ่มอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งเป็นกลยุทธ์การจัดการผลลัพธ์ทางธุรกิจที่สามารถรวมบริการ SaaS, PaaS และ IaaS ไว้ในระบบฐานข้อมูลเดียวกัน ช่วยให้ธุรกิจสามารถให้บริการที่เฉพาะเจาะจง และตอบสนองต่อความต้องการของแต่ละอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถรับมือหรือปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว โดย Gartner คาดการณ์ว่า ภายในปี 2027 จะมีการใช้แพลตฟอร์มคลาวด์อุตสาหกรรมในองค์กรต่าง ๆ มากกว่า 50% 4. Sustainable Technology เทคโนโลยีที่ยั่งยืนเป็นกรอบการทำงานของดิจิทัลโซลูชันที่ใช้เพื่อให้เกิดการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการบริหารจัดการที่มีความรับผิดชอบทางสังคม และสร้างความคุ้มค่าทางธุรกิจ (ผลลัพธ์ทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารจัดการ (ESG)) นอกจากนี้การใช้เทคโนโลยีที่ยั่งยืนส่งผลให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลง และสร้างความเชื่อมั่นในผู้บริโภคที่มีค่านิยมด้านสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีที่ยั่งยืน และมีประสิทธิภาพจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจดีขึ้น ซึ่งกลายเป็นเรื่องสำคัญที่น่าจับตามองในอนาคต 5. Democratized Generative AI การทำให้เทคโนโลยี Generative AI…

โฆษณาออนไลน์ ก่อนที่จะทำต้อง …

สำหรับใครที่ค้นหาการด้านการตลาดออนไลน์มาสักพัก คงจะทราบว่าการลงโฆษณาออนไลน์นั้นเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่ง  โดยที่ธุรกิจที้งหลายไม่ควรมองข้าม เพราะด้วยการลงโฆษณาออนไลน์ จะสามารถช่วยให้เราเข้าถึงลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่ม และยังเพิ่มสามารถโอกาสในการปิดการขายที่มากขึ้นอีกด้วย  แต่การเริ่มต้นลงโฆษณาออนไลน์ ก็จะเริ่มมีเรื่องค่าใช้จ่ายที่หลายคนก็เริ่มที่จะลังเลว่าจะคุ้มรึเปล่า จนอาจนำไปสู่การตัดสินใจไม่ทำ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก  แน่น่อนครับแล้วเราจะเชื่อมั่นได้อย่างไรว่า ที่เราเสียเงินและเวลาไปกับการโฆษณาออนไลน์ จะไม่สูญเปล่า ?   ในการลงโฆษณาออนไลน์ คงไม่สามารถบอกได้อย่างมั่นใจว่าจะทำให้ธุรกิจของคุณดีขึ้นในทันที เพราะมันต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ และ การเริ่มต้นเป็นสิ่งที่ทำให้ธุรกิจของคุณเดินไปข้างหน้า ก็จะเห็นภาพของผลลัพธ์ได้มากขึ้น    1. มาเริ่มกันที่การลงโฆษณาออนไลน์นั้นมีอะไรบ้าง ?                 ในหมู่พวกเขามีหลายช่องทางที่เราสามารถเลือกได้จากการโฆษณาออนไลน์ ดังนั้น คุณควรเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจว่าการโฆษณาออนไลน์เกี่ยวกับอะไร เมื่อพูดถึงการโฆษณาออนไลน์ ก็มีโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook Ads และ Google Ads ซึ่งแต่ละช่องทางก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนต่างกัน การรวมผู้ใช้ที่แตกต่างกันในแต่ละช่องวันนี้เราจะเข้าใจกันก่อนว่าโฆษณาออนไลน์คืออะไร ผมขอแบ่งตามช่องทางโฆษณาออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย ดังนี้ 1.1 “Google Ads” การลงโฆษณาออนไลน์ผ่าน Google  Google Ads ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งก็ตามที่เรารู้กันดีว่าแพลตฟอร์ม Google มีจำนวนคนที่เข้าใช้มากขนาดไหน Google Ads  หลัก ๆ แล้วสำหรับการลงโฆษณาออนไลน์บน Google Ads จะมีรูปแบบที่เป็นที่นิยมอยู่ทั้งหมด 2 รูปแบบด้วยกัน ซึ่งประกอบไปด้วย   Google Display Network (GDN) คือ การลงโฆษณาออนไลน์บนรูปแบบ Banner Ads ที่ขึ้นตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งก็มีรูปแบบที่หลากหลาย และสามารถเลือกตำแหน่งที่ต้องการจะแสดงได้  Search Engine Marketing (SEM) คือ การลงโฆษณาออนไลน์บนรูปแบบของเว็บไซต์ที่จะขึ้นแนะนำในอันดับแรก ๆ ของการค้นหาบน Google ซึ่ง SEM จะมาในรูปแบบตามปกติของการค้นหา Google ที่แฝงไปด้วยโฆษณาของเรา  1.2 “Facebook Ads” การลงโฆษณาออนไลน์บน Facebook  การลงโฆษณาออนไลน์ผ่าน Facebook Ads ไม่ต้องสงสัยกับการลงโฆษณาออนไลน์บน Facebook ที่เราน่าจะคุ้นเคยกันอย่างดี ซึ่งการโฆษณาบน Social Media ที่ได้รับความนิยมเช่นนี้ จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงเป้าหมายได้มากขึ้นครับ ซึ่งรูปแบบของการลงโฆษณาออนไลน์ผ่าน Facebook Ads ก็มีหลากหลาย เช่น รูปภาพ วิดีโอ หรือ การทำโฆษณาออนไลน์รูปแบบที่หลากหลาย 1.3 การลงโฆษณาออนไลน์บนช่องทางอื่น ๆ การลงโฆษณาออนไลน์นั้นไม่ได้มีแค่ช่องทาง Facebook Ads กับ Google Ads  เท่านั้นแต่ยังมีช่องทางอื่นอยู่อีก เช่น ทำ Email Marketing  ช่องทาง E-mail ที่เน้นการส่งอีเมลไปหาลูกค้าเพื่อสื่อโฆษณา ทำ YouTube Ads ช่องทาง YouTube เล่าเรื่องได้มากกว่าผ่านรูปแบบการโฆษณาระหว่างดูวิดีโอภาพเคลื่นไหว รู้โฆษณาออนไลน์มีรูปแบบอะไรบ้างไปแล้ว เรายังต้องรู้ว่าถึงว่าโฆษณาออนไลน์รูปแบบนั้นๆเหมาะสมกับธุรกิจเราหรือไม่ แล้วเราค่อยเลือกใช้ช่องทางที่เหมาะสมในการลงโฆษณาออนไลน์ให้ได้ผลมากที่สุด   2. ความสำคัญของ Keyword ( คีย์เวิร์ด )  การโฆษณาออนไลน์ อีกองค์ประกอบสำคัญอย่างมากที่ทุกคนต้องเข้าใจนั่นคือ “คีย์เวิร์ด” ซึ่งมีผลกระทบอย่างมากในการลงโฆษณาออนไลน์โดยเฉพาะใน Search Marketing ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการเข้าถึงตัวเป้าหมาย   “คีย์เวิร์ด” สำคัญอย่างไร ?   ในแง่ของ Search Marketing การเลือกคีย์เวิร์ดที่ตรงกับความคิดของลูกค้ามีผลอย่างมากในการที่ลูกค้าจะสามรถเข้าถึงได้ ซึ่งจะทำให้ผลลัพธ์ออกมาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  ...

ระบบจัดการคำสั่งซื้อ ทำงานยังไงกัน

ธุรกิจแทบจะทั้งหมดนั้น มีการจัดการกับคำสั่งซื้ออยู่แล้วในระดับหนึ่ง ระบบการจัดการคำสั่งซื้อนั้นมีประโยชน์อย่างยิ่งโดยเฉพาะในธุรกิจค้าขายออนไลน์ ในบางธุรกิจอาจต้องจัดการกับคำสั่งซื้อจำนวนมากในแต่ละเดือนที่มาจากทั้งตัวร้านค้า เว็บไซต์ และตลาดต่างๆ ที่หลากหลาย เพื่อให้สินค้าสามารถส่งถึงลูกค้าได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ ไม่ก่อให้เกิดความผิดพลาด ระบบ การจัดการ order กลายเป็นสิ่งที่เข้ามามีส่วนร่วมกับธุรกิจในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น ผู้ค้าปลีกอาจขายผ่านเว็บไซต์ Lazada เช่นเดียวกับบน Shoppee และ facebook แทนที่จะเข้าสู่ระบบในแต่ละช่องทางเพื่อจัดการและปฏิบัติตามคำสั่งซื้อ ระบบการจัดการคำสั่งซื้อจะรวมทุกอย่างไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ขั้นตอนการจัดการคำสั่งซื้อมีอะไรบ้าง  การจัดการคำสั่งซื้อเริ่มต้นจากตกลงคำสั่งซื้อ และดำเนินต่อไปจนถึงการส่งมอบและการคืนสินค้า การจัดการคำสั่งนี้ประกอบด้วยหลายขั้นตอน:   ทำการจำแนกช่องทางการขาย การขายสินค้ามีช่องทางหลากหลายมากขึ้นโดยเฉพาะคนที่ทำธุรกิจออนไลน์ ไหนจะลูกค้าสั่งผ่านFacebook , ig , ไลน์, เว็บฝากขาย การมีระบบจัดการ order จะช่วยให้ทุกคำสั่งซื้อนำมารวมเอาไว้ในที่เดียวกัน เมื่อพนักงานตรวจสอบก็จะไม่เกิดการตกหล่นของออเดอร์ในแต่ละวัน พนักงานทำการตรวจสอบ ระบบนี้เมื่อพนักงานเปิดเจอออเดอร์จะรู้ว่าทันทีว่าเป็นคำสั่งซื้อที่มาจากช่องทางไหน หากมีข้อสงสัยหรือคำถามก็สามารถสอบถามไปยังลูกค้าได้โดยตรง ไม่ใช่ระบบจัดการอัตโนมัติแบบเต็มตัว ดังนั้นการที่มีตัวช่วยดี ๆ จะทำให้งานราบรื่นมากกว่าเดิม ทำการตรวจสอบการชำระเงิน ระบบ การจัดการ order ยังสามารถระบุได้ว่าช่องทางที่ลูกค้าจ่ายเงินมาเป็นแบบไหน เช่น โอนผ่านมือถือธนาคารอะไร ยอดเงินกี่บาท เพื่อให้รู้ว่าลูกค้าคนไหนมีสถานะพร้อมส่งเนื่องจากชำระเงินแล้ว ลูกค้ารายไหนแม้สั่งออเดอร์มาแต่ยังไม่ได้จ่ายเงินตามที่กำหนดก็พักไว้ก่อน ไม่สามารถจัดส่งได้ ทำการสร้างรูปแบบของการส่ง ด้วยสมัยนี้วิธีส่งมีหลากหลายแม้กระทั่งใช้บริการผู้ขนส่งจากภายนอกยังมีหลายเจ้า การจัดการ order จะช่วยให้คุณรู้ว่าสินค้าแต่ละออเดอร์ที่ถูกส่งออกไปสถานะการส่งเป็นอย่างไร เวลาลูกค้าสอบถามสามารถตอบได้ทันที มี Tracking ชัดเจน เพราะระบบนี้มีการระบุรายละเอียดต่าง ๆ มาครบถ้วน ชัดเจน รวมถึงที่อยู่ที่ลูกค้าต้องการให้จัดส่ง ไม่ต้องเมื่อยมือพิมพ์หรือเขียนด้วยตนเอง แค่ปริ้นท์ออกมาจากระบบก็สามารถแปะกับพัสดุเพื่อเตรียมนำส่งต่อได้ทันที ประหยัดแรงงานคน ประหยัดเวลาไปได้เยอะมากทีเดียว มีบันทึกคำสั่งซื้อของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดความประทับใจการที่ร้านมีระบบบันทึกคำสั่งซื้อเมื่อลูกค้าซื้อบ่อยเข้าด้วยสิ่งของประเภทเดิมก็ไม่ต้องเสียเวลามาบอกทีละอย่าง แค่ระบุให้ส่งเหมือนเดิมแค่นี้ก็ดึงข้อมูลมาตอบได้ทันที  เชื่อมต่อกับคลังสินค้าได้ เนื่องจากร้านค้าหลาย ๆ ร้านไม่ได้มีคลังสินค้าที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน ดังนั้นการเลือกระบบ การจัดการ order เข้ามาจะช่วยให้เชื่อมต่อข้อมูลต่าง ๆ ไปยังคลังสินค้าได้ง่ายขึ้น หรือจะเป็นการลิงค์ทั้ง 2 ส่วนให้ได้รับข้อมูลแบบเดียวกันเลยก็ไม่มีปัญหา ถือว่าเป็นความสะดวกที่จะไม่ทำให้คำสั่งซื้อผิดพลาด การเปิดบิลง่ายกว่าที่คิด ไม่ต้องมานั่งทำหัวบิลให้ยุ่งยาก ระบบตัวนี้จะช่วยให้คุณสะดวกมากขึ้น แค่เปิดบิลตามรายละเอียดที่ลูกค้าระบุก็สามารถปริ้นท์ออกมาใช้งานได้ทันที ช่วยให้เกิดความเที่ยงตรง ไม่มีข้อผิดพลาด ลดปัญหาการโดนโกงได้เป็นอย่างดี จัดการเอกสารได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะบิลคำสั่งซื้อ, บิลเปิดออเดอร์, บิลรายละเอียดการชำระเงิน ฯลฯ ก็สามารถทำได้เบ็ดเสร็จในจุดเดียว  สร้างระบบแจ้งเตือนส่งตรงถึงลูกค้า ในระบบ การจัดการ order ที่ประสิทธิภาพสูง สามารถแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ ได้กับลูกค้าได้โดยตรง เช่น เลข Tracking ซึ่งจะทำให้ประหยัดเวลาในการไล่เรียงคำตอบส่งไปได้อีกเยอะ ป้องกันความผิดพลาดได้ดี